
ทำไมผมถึงสนใจ Soundhond AI - SOUN
SoundHound AI (SOUN) ให้บริการแพลตฟอร์มด้านเสียงที่สร้างด้วย AI (Voice AI) ที่มีลูกค้าหลักเป็นองค์กรระดับกลางไปถึงใหญ่ (ธุรกิจแบบ B2B) โดยลูกค้าจะสามารถสร้างเสียงของตัวเองตามต้องการ ใส่ลงไปในสินค้าและบริการของลูกค้า เช่น ระบบสั่งงานด้วยเสียงในรถยนต์ หรือ สร้างระบบสนทนากับลูกค้า - customer service โดยใช้ AI สนทนาด้วยเสียงแบบอัตโนมัติที่มีความแม่นยำสูงแทนการใช้พนักงานจริง ช่วยเพิ่ม productivity และลดต้นทุนของลูกค้า
นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบกับการต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มปิดอย่าง Alexa ของ Amazon หรือ Google Assistant ที่มุ่งเน้นการดึงผู้ใช้เข้าสู่ระบบแพลตฟอร์มแบบปิดของตัวเอง Soundhound AI มอบเครื่องมือให้องค์กรเหล่านั้นสามารถ ควบคุมประสบการณ์และข้อมูลของลูกค้าไว้ได้เอง
โมเดลธุรกิจของ SOUN แบ่งเป็น 3 เสาหลักที่ออกแบบมาให้ทำงานเสริมกันเป็น Flywheel Effect (โมเม้นตั้มของกลยุทธ์ที่ช่วยผลักดันแต่ละส่วนเป็นวงจร)
Voice AI Products (ผลิตภัณฑ์): การฝังเทคโนโลยี Voice AI ลงในฮาร์ดแวร์ เช่น รถยนต์ (พาร์ทเนอร์อย่าง Hyundai, Mercedes-Benz, Stellantis), Smart TV (เช่น Vizio) หรืออุปกรณ์ IoT อื่นๆ สร้างรายได้เป็นค่าลิขสิทธิ์ (Royalty) ต่อหน่วยหรือต่อการใช้งาน
Subscriptions (บริการ): การให้บริการ AI สำหรับงานบริการลูกค้า เช่น ระบบสั่งอาหารด้วยเสียงในร้านอาหาร (เช่น White Castle, Krispy Kreme) หรือระบบ AI Agent สำหรับคอลเซ็นเตอร์ขององค์กร (ซึ่งได้มาจากการซื้อกิจการ Amelia) ที่มีการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการเงิน โรงพยาบาล หรือร้านอาหาร
Monetization (การสร้างรายได้): นี่คือเป้าหมายระยะยาว คือการเชื่อมโยงกลยุทธ์ของเสาหลักที่ 1 และ 2 เข้าด้วยกัน เช่น ให้ผู้ใช้งานในรถ (เสาหลักที่ 1) สั่งอาหารจากร้านอาหาร (เสาหลักที่ 2) ได้ทันที และ SOUN ก็จะได้รับส่วนแบ่งรายได้หรือค่าคอมมิชชั่นจากธุรกรรมนั้นๆ
โอกาสการเติบโตของ SOUN นั้นชัดเจนและมีตัวเลขที่จับต้องได้:
Backlog สะสม 1.2 พันล้านดอลลาร์: นี่คือโอกาสที่ชัดเจนที่สุดและสำคัญที่สุด ตัวเลขนี้คือ "ยอดจอง" (Bookings) ที่รอเปลี่ยนเป็นรายได้ในอนาคตเมื่อเกิดการใช้งานสินค้า แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่แข็งแกร่ง และการเติบโตของรายได้ที่ 217% (YoY) ใน Q2 2025 ก็เป็นหลักฐานว่าบริษัทเริ่มทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog นี้แล้ว
ตลาด Voice AI ที่ยังเติบโตสูง: ตลาดรวม (TAM) ของ Voice AI นั้นมีขนาดใหญ่กว่า 140,000 ล้านดอลลาร์ และกำลังเปลี่ยนจาก "ของเล่น" (Innovation Budget) ไปเป็น "โครงสร้างพื้นฐาน" (IT Budget) ที่ทุกองค์กรต้องมี
โอกาส "ขยาย" ในตลาดยานยนต์: ในกลุ่มยานยนต์ (เสาหลักที่ 1) SOUN ยังมีช่องว่างให้เติบโตมหาศาล ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งเพียง 3-5% จากปริมาณการผลิตทั้งหมดของ พาร์ทเนอร์ที่มีอยู่แล้ว (เช่น Stellantis, Hyundai) หมายความว่า SOUN สามารถเติบโตได้อีกมากเพียงแค่ "ขยาย" การใช้งานไปยังรถยนต์รุ่นอื่นๆ ของลูกค้าเดิม
เป้าหมายทำกำไร Adjusted EBITDA: ผู้บริหารได้ให้คำมั่นสัญญา (Guidance) ที่สำคัญที่สุดไว้ว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะมี กำไร Adjusted EBITDA เป็นบวกให้ได้ภายในสิ้นปี 2025 หากทำได้จริง นี่จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากของบริษัท
โอกาสการสร้างรายได้จากกลยุทธ์เสาหลักที่ 3 - Ads/Commerce Revenue: SOUN ได้เริ่มมีการทดลองโมเดลธุรกิจโดยเปิดให้ผู้ใช้งานรถยน์สามารถสั่งอาหาร หรือซื้อสินค้าด้วยเสียงขณะขับรถ ช่วยให้ลูกค้าหลัก (บริษัทรถยนต์) สามารถเพิ่มรายได้จากคอมมิชชั่น และร้านค้าสามารถเพิ่มยอดขาย หากสำเร็จ SOUN จะมีรายได้จากธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้น ต่อยอดจากกลยุทธ์เสาหลักที่ 1 และ 2
SOUN ไม่ได้แข่งขันด้วยราคา แต่แข่งด้วย "กลยุทธ์" และ "เทคโนโลยี":
ความเป็น "พันธมิตรที่เป็นกลาง": นี่คือ "คูเมือง" (Moat) ที่แข็งแกร่งที่สุด ความได้เปรียบของ SOUN คือการที่บริษัท ไม่ใช่ Google, Amazon หรือ Apple แบรนด์ใหญ่ๆ อย่างค่ายรถยนต์ กลัวการถูกยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีแย่งชิงความสัมพันธ์กับลูกค้าและข้อมูล SOUN จึงเป็น "พันธมิตร" ที่แบรนด์ต่างๆ เลือกใช้เพื่อป้องกันตัวเอง
เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ (Proprietary Tech): SOUN ใช้เวลา 20+ ปีในการวิจัยและพัฒนา และมีสิทธิบัตรรองรับกว่า 300 ฉบับ เทคโนโลยีหลักอย่าง "Speech-to-Meaning®" เป็นสถาปัตยกรรมแบบขั้นตอนเดียว (One-step) ที่บริษัทอ้างว่าเร็วกว่าและแม่นยำกว่าการประมวลผลสองขั้นตอน (Speech-to-Text แล้วค่อย Text-to-Meaning) ที่คู่แข่งส่วนใหญ่ใช้
ต้นทุนการย้ายค่ายสูง (High Switching Costs): โดยเฉพาะในกลุ่มยานยนต์ (Pillar 1) เทคโนโลยีของ SOUN ถูกฝังลึกเข้าไปในฮาร์ดแวร์และวงจรการออกแบบที่ใช้เวลาหลายปี การจะเปลี่ยนผู้ให้บริการจึงทำได้ยากและมีต้นทุนสูงมาก (มีสัญญาระยะยาวถึงปี 2037)
Network Effects (ที่กำลังสร้าง): โมเดล 3 เสาหลัก ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างสิ่งนี้ ยิ่งมีรถ (Pillar 1) มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีฐานผู้ใช้สำหรับร้านค้า (Pillar 3) มากขึ้น และยิ่งมีร้านค้า (Pillar 2) เข้าร่วมมากเท่าไหร่ ผู้ช่วยในรถก็ยิ่งมีประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น
แม้โอกสวชอง Soundhound AI จะน่าสนใจ แต่ก็ต้องระวังถึงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น:
ฟองสบู่ AI แตก ??: หากคุณเชื่อว่าการลงทุนด้าน AI เป็นฟองสบู่ที่เปราะบาง พร้อมจะแตก เหมือนยุค Dotcom bubble สิ่งที่เกิดขึ้นคือบริษัทส่วนใหญ่จะมองเห็นว่าการลงทุนด้าน AI ไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่มากพอ และลดการใช้จ่ายในด้าน AI ซึ่งจะกระทบต่อยอดขายและการเติบโตของ Soundhound AI โดยตรง
ความเสี่ยงในการดำเนินงาน (Execution Risk): Backlog 1.2 พันล้านดอลลาร์คือยอดจองการใช้งาน จะเปลี่ยนเป็นรายได้จริงก็ต่อเมื่อสินค้านั้นได้รับการใช้งาน โดยราคาหุ้นของ SOUN ถูกดีดให้สูงจากความคาดหวังว่า Soundhound AI จะสามารถสร้างรายได้ดังกล่าวได้แล้ว หากเกิดข้อผิดพลาดในการจัดการ ทำให้รายได้นั้นล่าช้า หรือไม่เกิดขึ้น จะทำให้ราคาประเมินของหุ้น SOUN ถูกลดต่ำลงมา กระทบต่อราคาหุ้นและความน่าเชื่อถือของ SOUN
Gross profit margin ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น: อัตราส่วนกำไร Gross profit margin ของ SOUN ที่เคยสูงถึง 60% ในปี 2022-2023 ลดลงมาเหลือ 40% ในปี 2024 เนื่องจากการรวมกิจการกับบริษัท Amelia และ SYNQ3 หาก Soundhound AI ไม่สามารถปรับปรุงอัตราส่วนกำไรให้ดีขึ้น นั่นหมายความว่า SOUN ยังไม่สามารถจัดการการควบรวมบริษัทได้ดีพอ
คู่แข่งยักษ์ใหญ่: SOUN กำลังต่อสู้ใน "สงครามสามด้าน" กับ Google, Amazon, Apple และ Microsoft ซึ่งมีเงินทุน ข้อมูล และ R&D ที่เหนือกว่ามหาศาล พวกเขาสามารถ "ตัดราคา" หรือ "พ่วงบริการ" AI ฟรีไปกับบริการอื่นได้
Soundhound AI เป็นบริษัทที่น่าสนใจ มีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันเหนือคู่แข่งหลายราย รวมถึงเจ้าใหญ่อย่าง Amazon และ Google ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและสิทธิบัตรจำนวนมากกว่า 300 ฉบับ ข้อได้เปรียบนี้ทำให้ Soundhound AI เป็นบริษัทระดับชั้นนำในตลาด Voice AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
แม้โอกาสจะน่าสนใจ แต่ SOUN ก็มีความเสี่ยงด้านการบริหาร การดำเนินการ และสภาวะเศรษฐกิจเนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ของ SOUN เป็นองค์กรณ์ใหญ่ที่อาจลดการใช้จ่ายด้าน AI หากฟองสบู่ AI แตก
อย่างไรก็ตาม โอกาสการเติบโตของ SOUN ก็เป็นสิ่งที่น่าจับตามอง หาก SOUN สามารถบริหารดำเนินกิจการได้ตามเป้า และสร้างรายได้จากเสาหลักทั้งสาม (produce, service and monetization) ได้ ก็จะยิ่งทำให้การเติบโตของ Soundhound AI เป็นไปอย่างรวดเร็ว
คำเตือนเนื้อหาในบทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลและการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำทางการเงิน คำแนะนำในการลงทุน หรือการชักชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ผู้เขียนไม่ได้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินหรือผู้แนะนำการลงทุนที่ได้รับใบอนุญาต บทวิเคราะห์นี้สะท้อนความคิดเห็นส่วนบุคคลและการวิเคราะห์ข้อมูลสาธารณะเท่านั้น การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มีความเสี่ยงสูงและอาจส่งผลให้สูญเสียเงินต้นได้ ผู้อ่านทุกท่านควรทำการวิเคราะห์และตรวจสอบข้อมูลด้วยตนเอง (Do Your Own Research) และ/หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่มีใบอนุญาตก่อนตัดสินใจลงทุนใดๆ ผู้เขียนไม่รับประกันความถูกต้องหรือครบถ้วนของข้อมูล และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูลในบทวิเคราะห์นี้

Admin